ปลาทรายแดง จัดว่าเป็นปลาเศรษฐกิจตัวเล็กๆ หาตกในทะเลแถวพัทยาที่ไหนก็ได้ แล้วทำไมพวกเราถึงต้องดั้นด้นออกเรือไปไกล ตามหาตกถึงเกาะครามใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากชายฝั่งพัทยาก็มากมาย รวมระยะทางทั้งไปทั้งกลับ ก็หลายไมล์หลายกิโลเมตร
เหตุผลไม่มีอะไรมาก ถึงแม้นว่าถ้าอยากจะตกปลาทรายแดง ซึ่งมีอยู่ทั่วๆไป แต่เพราะพื้นที่ตรงนั้นระหว่างเกาะครามใหญ่กับเกาะอีร้า บริเวณที่เรียกว่าร่องคราม หรือช่องครามตามแต่จะเรียก พวกเราเคยไปจอดเรือลงเบ็ดตกปลาทรายแดง ได้ตัวได้กับข้าวก็หลายครั้ง จึงทำให้เวลาจะคิดออกทะเลไปตกปลาทรายแดงทีไร จะต้องนึกถึงหมายตกปลาทรายแดงแห่งนี้ทุกที ไม่ค่อยที่จะคิดถึงพื้นที่อื่นๆ เหตุผลก็มีเพียงเท่านี้ พวกเราจึงเดินทางไปที่นั่น โดยจะถือโอกาสขับเรือไปท่องเที่ยวด้วยครับ
*ปลาทรายแดงเป็นปลาที่มีรูปร่างยาวเรียว ลำตัวด้านข้างแบน หัวโต จะงอยปากโค้งยาว นัยน์ตาโต ปากกว้าง มีฟันแหลมคมบนขากรรไกรบนและล่าง ครีบหลังยาว ส่วนที่เป็นก้านครีบแข็งปลายโผล่ยื่นออกจากตัวครีบ ครีบอันอ่อนมีขนาดเกือบเท่ากับครีบก้น ครีบหางเป็นแฉกลึก ครีบท้องอยู่ใกล้กับครีบหู มีปลายเรียวแหลม พื้นลำตัวสีเหลือง แนวหลังมีแถบแดง ใต้ครีบหลังมีจุดแดงขนาดนัยน์ตาหนึ่งจุด ปลายของก้านครีบแข็งที่โผล่ออกมาเป็นสีแดง มีแถบเหลืองบนครีบหลังข้างตัวและครีบก้น ประโยนช์เนื้อปลาใช้ปรุงอาหารได้ดี
* ขอขอบคุณกรมประมงสำหรับข้อมูล
นั่นเป็นข้อมูลรายละเอียด ที่ยาวเหยียดทางวิชาการของกรมประมง แต่เราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ รู้แต่เพียงว่าเนื้อของปลาทรายแดง ใช้ปรุงอาหารได้ดีรับประทานอร่อย แค่นี้ก็น่าสนใจที่ต้องไปทะเลตามล่าหาตกกันแล้ว และปลาทรายแดงก็ตกง่ายตกสนุกเสียด้วย จึงเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยถ้าชอบตกปลา
เรือออกจากโอเชียนมารีน่าที่จอมเทียน แล่นออกทะเลมุ่งหน้าลงไปทางทิศใต้ จะไปช่องครามเกาะครามใหญ่
มองเห็นเกาะครามใหญ่ไกลๆ ระยะทางที่จะต้องแล่นเรือไปถึงหมายตกปลาทรายแดง มีระยะทาง 22 กิโลเมตร
เรือแล่นมาได้ประมาณ 30 นาที ก็ผ่านเกาะครามใหญ่
อยู่ในช่องครามซึ่งเป็นทะเลร่องน้ำกว้าง ขวางกั้นระหว่างเกาะครามใหญ่กับแผ่นดินชายฝั่งของสัตหีบ มองเห็นเกาะอีร้าลูกเล็กๆ ที่ด้านซ้ายตรงหัวเรือ ส่วนด้านขวาเป็นเกาะครามใหญ่ที่ทอดตัวยาวไปถึงที่นั่น หมายที่เราจะไปตกปลาทรายแดง จะอยู่ระหว่างกลางบริเวณนั้น
ขับเรือมาถึงหมาย ดับเครื่องยนต์จอดเรือลอยลำไม่ต้องทิ้งสมอ ปล่อยให้เรือลอยไหลตามกระแสน้ำ ตามกระแสลมไปเรื่อยๆ ชาวเรือชาวทะเลเขาบอกกันว่า มันเป็นวิธีการตกปลาทรายแดงดีที่สุด
ระดับความลึกของน้ำ 12 เมตร เป็นพื้นทรายเรียบ ลักษณะพื้นที่ใต้น้ำจะเป็นที่ดอนบริเวณกว้าง ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาเรียกชื่อพื้นที่ตรงนี้ว่าอะไร แต่ผมเรียกว่า "ดอนปลาทรายแดง" ก็มาถึงตรงนี้ทีไร ผมตกปลาทรายแดงได้ไม่เคยผิดหวังสักครั้ง ผมจึงขอโมเมเรียกของผมแบบนี้แหล่ะครับ
จอดเรือเสร็จเข้าที่เข้าทาง ด้านท้ายเรือสมาชิกมือตกเบ็ด ก็เริ่มลงมือทำงาน ลงมือจ่ายตลาด
ด้านหัวเรือก็เริ่มประจำที่เช่นกัน คันเบ็ดเล็กๆ แอ็คชั่นอ่อนๆ รอกตัวน้อยๆ สายเอ็นบางๆ แรงดึงปอนด์ต่ำๆ เป็นที่เหมาะสมสำหรับการตกปลาตัวเล็ก อย่างปลาทรายแดง
ปลาทรายแดง
ทั้งด้านหัวเรือและด้านท้ายเรือ ช่วยกันเย่อช่วยกันจ่ายตลาด ช่วยปลดปลาทรายแดงที่ขึ้นจากน้ำไม่หยุด เผลอเพียงประเดี๋ยวเดียว ปลาทรายแดงก็เข้ามาอยู่ในกระติกตั้งมากมาย
ปลาทรายแดง ที่เห็นในกระติกเพียงเท่านี้ ยังไม่พอเราจึงตกต่อไปเรื่อยๆ ทุกคนช่วยกันตกอย่างขยันแข็งขัน ด้วยความเพลิดเพลิน โดยไม่มีเชียนมือเบ็ดคนไหน ยอมอ่อนข้อยอมลามือ บางครั้งบางไม้ของการลงเบ็ด ก็เย่อเจ้าปลาทรายแดง มาเป็นคู่มาเป็นพวง
มองในกระติกที่ใส่อีกครั้งใกล้จะเต็ม แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับปลาทรายแดง ที่จะนำไปเป็นอาหารรสเด็ดประจำมื้อที่บ้าน จวบจนเวลานั้น ก็เป็นช่วงเวลาของตะวันเริ่มจะบ่ายคล้อย เราจึงติดเครื่องเรือเพื่อแล่นเดินทางกลับเข้าฝั่ง จบการลงเบ็ดตามล่าหาตกปลาทรายแดง สำหรับในทริปนี้
พวกเราปล่อยปลาทรายแดง ที่คิดว่ายังพอจะมีตัวในพื้นที่ใต้น้ำตรงนี้ เอาไว้ให้คนอื่นเขามาตก มาสนุกกันบ้างดีกว่า
กลับถึงบ้านนำปลาทรายแดง ปลาเล็กปลาน้อยปลาอื่นๆ ที่ตกได้ในทริปเดียวกันนี้ ลงใส่อ่างเตรียมทำเตรียมจัดการ แต่แค่มองเห็นกองปลาที่เตรียมจะจัดทำ ผมคิดอยู่ในใจว่า "ตายแน่อยากโลภมากตกมาเยอะ เวรกรรมต้องมานั่งทำปลา หลังขดหลังแข็งแน่เลยตรู"
เรื่องน่าสนใจแนะนำ : ตกปลาทะเลตราดยามหน้าร้อน
http://holidays-experience.blogspot.com/2010/04/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้มีบัญชี Google