เมื่อเข้าสู่เดือนพฤษภาคมจะเป็นฤดูฝน เป็นเวลาของอิทธิพลลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าหาอ่าวไทย โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกของประเทศ ยากที่จะหลีกหนีพ้นไปได้ ในท้องทะเลยามนี้ของภาคตะวันออกบางวันจึงมีทั้งลมและคลื่นแรง ทั้งบางวันก็ยังมีฝนพัดเทกระหน่ำสาดลงมา
เวลานี้จึงเหมาะที่จะเป็นช่วงเวลาการหยุดพักของชาวเรือชาวทะเลในพื้นที่ ต่างก็นำเรือคู่ชีพเข้าอู่ขึ้นคานเพื่อหยุดปรับปรุง ตระเตรียมซ่อมแซมอวนสำหรับจับปลา หรือเครื่องใช้ไม้สอยในงานอาชีพประมง เพื่อเตรียมท่ารอคอยวันเวลาของฤดูหนาวที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อมาถึงเวลานั้นของฤดูกาล จะได้ออกทะเลไปจับปลาด้วยความสะดวกและปลอดภัย
สำหรับพวกเราถึงแม้นช่วงนี้จะเป็นฤดูมรสุม ทะเลยังมีลมมีคลื่นแรง แต่ก็ใช่ว่าทะเลจะโหดร้ายหมือนกันเช่นทุกวันก็หาไม่ ดังคำโบราณเขาบอกเขากล่าวกันว่า เมื่อหลังจากพายุเมฆฝนผ่านพ้นไป ท้องฟ้าก็จะเปลี่ยนเป็นแจ่มใสกระจ่างตา เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงเป็นโอกาสของพวกเราที่จะนำเรือออกทะเล เดินทางไปดำน้ำที่เกาะริ้น เกาะสวยในทะเลของเมืองพัทยา
เกาะริ้นเป็นเกาะเล็กๆตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองพัทยาไปในทะเล ด้านทิศตะวันตกประมาณ 21 กิโลเมตร เกาะริ้นอยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ประโยนช์ใช้สอยส่วนใหญ่ในปัจจุบันคือ เป็นเป้าซ้อมยิงปืนใหญ่หรือเป็นสถานที่ซ้อมรบทางทะเล
เนื่องจากเกาะริ้นตั้งอยู่ห่างไกลจากชายฝั่ง ทั้งบนเกาะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว จึงทำให้เกาะริ้นขาดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วไป ยกเว้นบางคนบางกลุ่มผู้ชอบไฝ่หาความเงียบสงบความเป็นธรรมชาติ ที่ยังไม่ผ่านการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น ก็ยังคงมีดั้นด้นเดินทางมาเยือน
แต่ถ้าได้เอ่ยปากสอบถามบรรดานักดำน้ำสคูบ้าในพื้นที่ของแถบเมืองพัทยาแล้วนั้น คงจะยากที่มีใครคนไหนบอกไม่รู้จัก หรือไม่เคยได้ยินชื่อไดฟ์ไซต์ยอดนิยมของการดำน้ำแห่งนี้ เกาะริ้นมีธรรมชาติใต้น้ำที่ยังสมบูรณ์ไม่แพ้ที่ใด ในแหล่งดำน้ำของทะเลภาคตะวันออก จึงทำให้นักดำน้ำเมื่อเดินทางมาดำน้ำในทะเลแถบนี้แล้ว ต่างก็จะบอกเอ่ยปากพูดต่อกันว่า ถ้าได้มีโอกาสมาดำน้ำที่เกาะริ้นนี้สักครั้ง ก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขใจอย่างที่สุด
เช้าวันอาทิตย์ในวันสิ้นสุดของสัปดาห์ หลังจากขับรถแวะลงไปรับแทงค์อากาศจากที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ เราก็ขับรถมาที่โอเซียนมารีน่าเพื่อที่จะลงเรือ
ช่วยกันขนสิ่งของอุปกรณ์และแท้งค์อากาศ ลงเรือที่จอดลอยลำที่ท่าของโอเชี่ยนมารีน่า
เสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทาง
เมื่อเรือแล่นออกมาในทะเลเหลียวหันมองไปทางด้านเกาะล้าน มีเมฆขาวกลุ่มใหญ่ลอยตัวอยู่เหนือเกาะ แต่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคลึ้มดำแบบเมฆฝน เพราะตอนเช้าตรู่ก่อนที่เราจะเดินทางมาถึงพัทยา ทราบว่าพื้นที่บริเวณแถบนี้ฝนพึ่งหยุดตก
เกาะริ้นมองเห็นอยู่ด้านหน้าตรงหัวเรือ ระยะทางประมาณยี่สิบกิโลเมตรเศษที่เราจะต้องเดินทางไปถึง
แล่นเรือโต้คลื่นไม่ใหญ่เท่าไหร่นักในช่วงเวลาตอนเช้าๆแบบนี้ ใช้เวลาประมาณสี่สิบนาทีก็มาถึงเกาะริ้น จึงตรงไปจอดทอดสมอลอยลำที่ด้านชายหาดใกล้กับหัวแหลม เป็นจุดที่วางแผนไว้ว่าไดฟ์แรกพวกเราจะลงดำน้ำกันที่นี่
ด้านหน้าชายหาดเกาะริ้นน้ำทะเลลงไปมาก ตรงบริเวณที่เราจอดเรือลอยลำน้ำจึงตื้นและใสจนมองเห็นพื้นทราย ดูจากซาวเดอร์ความลึกแค่ไม่ถึงสองเมตร เราพยายามจะจอดเรือให้เข้าชิดปลายแหลมให้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องออกแรงสับขาตีฟินไกลให้เหนื่อยแรง ถ้าจะดำน้ำไปตามแนวของหัวแหลม
ในวันนี้ที่เกาะริ้นมีเรือพาพวกฝรั่งมาลงดำน้ำเพียงลำเดียว เมื่อเรามาถึงเรือลำนี้ได้ปล่อยนักดำน้ำสองคน ลงที่ด้านหน้าของชายหาด ส่วนนักดำน้ำที่เหลือทั้งหมดบนเรือ คาดว่าคงจะไปส่งลงดำที่หินยักกะโดง เพราะเห็นเมื่อส่งนักดำน้ำสองคนนี้ลงแล้วเรือก็แล่นเลยต่อไปทางด้านนั้น
มองขึ้นไปบนชายหาดของเกาะริ้น ในวันนี้เงียบสงบไม่มีนักท่องเที่ยวคนใดมาเยือน
เตรียมอุปกรณ์และปรึกษาหารือ การวางแผนลงดำน้ำในไดฟ์แรกของพวกเรา
เมื่ออุปกรณ์พร้อมและทุกคนก็พร้อม นายโจโจ้เป็นคนแรกที่กระโดดลงทะเลเพื่อไปจัดใส่อุปกรณ์ในน้ำ ตามลงน้ำคนที่สองต่อไปด้วยนายเจ
หลังจากนั้นเมื่อทุกคนพร้อม โอเคลงได้ปล่อยอากาศออกให้หมด หายใจออกยาวๆ แล้วดำลงช้าๆ อย่าลืมเคลียร์หู ตามหลักสูตรที่ได้เคยร่ำเรียนกันมา
เมื่อถึงพื้นก็ถือโอกาสตรวจเช็คสมอเรือให้มั่นคงเกาะพื้นมั่นแน่น เพื่อว่าเมื่อพวกเราขึ้นสู่ผิวน้ำจะได้ไม่มีเหตุการณ์ สมอเรือเกาจนเรือหลุดลอยออกจากที่จอด
ทุกคนพร้อมจึงดำมุ่งหน้าไปทางด้านหัวแหลม ทิศทางประมาณ 150องศาที่ใต้น้ำ จากการที่ได้มองเล็งบนเรือไว้ก่อนที่จะลงดำ
บริเวณที่เราเริ่มลงดำในระหว่างทางก่อนจะมุ่งหน้าไปถึงหัวแหลม มีระดับน้ำตื้นจนแสงส่องผ่านลงมามองเห็นปะการัง ซึ่งยังมีไม่มากแต่ก็เห็นได้ชัดเจนกระจ่างตา
กำลังจะเริ่มมุ่งหน้าดำลงไปในระดับความลึกเพิ่มมากขึ้น
เมื่อเข้าสู่ระดับความลึกมากขึ้น ปะการังก็เริ่มหนาแน่นและกอใหญ่มากขึ้น
เจอแล้วหลักฐานยืนยันว่าบริเวณเกาะริ้นเป็นพื้นที่สำหรับทหารเรือ ใช้ยิงปืนใหญ่หรือใช้ซ้อมรบทางทะเล เราพบลูกปืนใหญ่เรือรบที่ยิงมาแล้วแต่ยังไม่ระเบิดแตก
ดูด้วยตาแต่มือห้ามไปแตะต้อง เคยมีข่าวคราวเมื่อหายปีก่อน มีชาวประมงมาลงดำน้ำงมหาหอยเปาฮื้อที่เกาะริ้น ในระหว่างดำงมหาหอยจึงไปพบลูกปืนใหญ่พวกนี้ เห็นว่าเป็นโลหะอาจจะคิดเก็บนำไปชั่งกิโลขาย
หรือจะคิดอย่างไรก็ไม่ทราบเหมือนกัน ปรากฎว่าเมื่อไปหยิบไปแตะต้อง จึงเกิดระเบิดขึ้นมาทำให้ไส้แตกท้องแตก ไม่รู้นำตัวส่งโรงพยาบาลกันได้ทันหรือเปล่า
ดำไต่ระดับลงไปที่ความลึกประมาณสิบสองเมตร จะเห็นมีปะการังดำมากขึ้น ปะการังดำพวกนี้ลักษณะคล้ายกับต้นไม้ แท้จริงแล้วไม่ใช่ต้นไม้แต่เป็นสัตว์ มีแกนในของกิ่งก้านเป็นสึดำจึงเรียกกันว่า "ปะการังดำ"
กัลปังหา , ซีแฟน ( Sea Fan )
ปลาปักเป้ากล่องลายจุด
ปลาตะคองเหลือง
ดอกไม้ทะเล (Sea Anemone) ถึงจะเรียกชื่อว่าดอกไม้ทะเล แต่ก็เป็นสัตว์เหมือนกัน
ปะการังอ่อนสีสวย หรือซอฟต์คอรัล (Soft Coral) กำลังชูช่อคอยจับอาหาร ที่ลอยมาตามกระแสน้ำ
ปะการังหนัง
ดำมาได้สักพักก็มาเจอหลักฐาน ลูกปืนใหญ่อีกหนึ่งลูกแล้ว
ปลากะรังหรือปลาเก๋า ตัวนี้พรางตัวนอนนิ่งถึงแม้นว่าเราจะดำขยับเข้าไปใกล้ๆ คงจะคิดว่าพวกเราจะมองไม่เห็น
ปลาฉลามขี้เซาหรือฉลามกบ ซุกตัวนอนเงียบใต้ปะการัง เจ้าตัวนี้จะออกหากินในเวลากลางคืน รวมทั้งปลากระเบนทองด้วย
ปลาข้าวเม่าน้ำลึก
ปูแมงมุม หรือปูซีโน (Xeno Crab) เกาะอาศัยอยู่กับปะการังแส้ทะเล
กุ้งพยาบาลตัวใส อาศัยอยู่กับดอกไม้ทะเล
ทากเปลือยขาวจุดดำ (Nudibranch)
หอยเม่นหนามดำพบเห็นมีมากในทะเลที่นี่ ถ้าใครโดนหนามแหลมคมทิ่มแทงก็เจ็บปวดเอาเรื่องเหมือนกัน อย่างเช่นวันนี้ก็โดนเข้าไปหลายแผล จากที่นานครั้งจะได้ลงดำน้ำเสียที อาการเจ็บปวดแสบคันบอกไม่ถูก เอาเป็นว่าอย่าโดนหนามของมันเป็นดีที่สุด
ปลาการ์ตูนอินเดียร์แดงกับดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูนชนิดนี้จะพบมีมากในทะเลอ่าวไทย โดยเฉพาะบริเวณทะเลแถบนี้จะพบเห็นมีอยู่ทั่วไป
ประมาณสี่สิบนาทีกว่าสำหรับเวลาที่อยู่ใต้น้ำ เราก็เริ่มสับขาตีฟินย้อนกลับมาเส้นทางเดิม เพื่อจะขึ้นสู่ผิวน้ำจบการลงดำในไดฟ์แรก
ขึ้นสู่ผิวน้ำจบการดำของไดฟ์แรก ก็เม้ากันตามระเบียบว่าเจอนู่นเจอนี่ ตัวใหญ่เท่าโน้นตัวเล็กเท่านี้ ตามประสาของนักดำน้ำ แล้วก็พูดคุยกันถึงข้อดีข้อผิดพลาด ข้อบกพร่องต่างๆจากการลงดำน้ำในไดฟ์แรก ก็ไม่พบหรือมีปัญหาอะไรที่น่าวิตก ทุกคนบอกว่าโอเค
ขึ้นเรือถอดอุปกรณ์ออกจากแทงค์เพื่อเตรียมสำหรับแทงค์ใบใหม่ ที่จะมีโปรแกมลงดำน้ำในไดฟ์สองต่อไป
จากนั้นเราจะถอนสมอย้ายเรือ จะแล่นผ่านเรือประมงที่จอดอยู่ไปทางนั้น โดยจะอ้อมไปจอดหลบลมที่ด้านทิศเหนือของเกาะริ้น เราต้องการนำเรือไปจอดลอยลำหลบลมหลบคลื่นอยู่ที่นั่น เพื่อพักจากการลงดำน้ำในไดฟ์แรก และพักผ่อนทานข้าวทานอาหารในมื้อกลางวัน
สำหรับช่วงเวลานี้หน้าชายหาดในฤดูของมรสุม เริ่มจะมีลมมีคลื่นแรงพัดผ่านเข้ามา ทำให้เรือของเราโยกหน้าโยกหลัง จนสุดที่จะทนทำนิ่งเฉยต่อไปได้ ถ้ายังขืนดื้อรั้นทนนั่งบนเรือที่จอดตรงหน้าชายหาดนี้ต่อไป เห็นทีจะทานอาหารมื้อกลางวัน หรือกลืนข้าวไม่ลงคอเป็นแน่แท้
เกาะริ้นด้านทิศเหนือหลังจากย้ายเรือมาจอดหลบลมหลบคลื่น ด้านนี้ของเกาะไม่มีชายหาดมีแต่แนวหิน
เตรียมอาหารมื้อกลางวันแล้วพากันนั่งล้อมวง เป็นอาหารง่ายๆสบายๆตามประสาชาวเรือชาวทะเล
เมื่ออาหารมื้อกลางวันเสร็จสิ้นก็นั่งเล่นนอนเล่นพักผ่อน เก็บแรงไว้สำหรับการลงดำน้ำในไดฟ์ที่สอง
หินขาวหรือหินลอมฟางมองเห็นอยู่ไกลๆ คือจุดหมายต่อไปจะลงดำน้ำในไดฟ์ที่สอง
จนได้เวลาสำหรับการพักผ่อน ก็ย้ายเรือมายังจุดหมายหินลอมฟางตามแผนการณ์ที่ได้วางเอาไว้ ท่ามกลางกระแสของลมและเกลียวคลื่น ที่โหมกระหน่ำพัดเข้าใส่ในช่วงเวลาของทะเลเป็นฤดูมรสุม
เราทิ้งสมอเรือที่แนวชายขอบระยะห่างประมาณ 50 เมตร ด้านทิศเหนือของหินลอมฟาง แล้วก็ประกอบชุดอุปกรณ์สำหรับการลงดำน้ำ
แต่เมื่อทุกคนได้กระโดดน้ำลงทะเล ท่ามกลางเกลืยวคลื่นที่พัดโหมกระหน่ำ เรือของเราสมอเกาจนหลุดลอยออกจากที่ ห่างไปจากตัวของพวกเรามากขึ้นทุกขณะ ในระหว่างที่พวกเราแค่ลงน้ำลอยคอเพื่อจัดใส่อุปกรณ์ รวมทั้งช่วงเวลานั้นกระแสลมกระแสคลื่นก็พัดมาแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีทางใดที่หินลอมฟางลูกเล็กๆ นี้จะช่วยปิดบังเส้นทางของลมและคลื่นได้ ในระหว่างที่พวกเราลอยคอในทะเล ต่างก็ตระโกนกันโหวกเหวก ว่าเราควรที่จะต้องยกเลิกแผนการดำน้ำที่จุดนี้แล้ว เมื่อได้เจอทั้งลมทั้งคลื่นแบบนี้ ใครคนใดล่ะที่จะปฎิเสธ ทุกคนตกลงใจรีบตอบโอเค ว่ายน้ำจ่ำเข้าไปหาเรือที่กำลังลอยเท้งเต่ง ออกห่างจากเราไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว
พากันรีบปีนจากน้ำขึ้นเรือ คว้าเก็บอุปกรณ์ดำน้ำที่ยังลอยอยู่ในทะเลขึ้นมา แล้วย้ายเรือมุ่งหน้ากลับไปยังที่เดิมคือเกาะริ้นด้านทิศเหนือ ก่อนหน้าที่เราจะย้ายเรือมาที่หินลอมฟาง จนต้องมารับทั้งลมทั้งคลื่นไปเต็มอิ่มตามๆกัน
ย้ายเรือกลับมาที่เดิม เกาะริ้นด้านทิศเหนืออีกครั้ง
เมื่อได้ย้ายเรือมาจอดบังลมบังคลื่นบริเวณนี้ มีระดับความลึกของน้ำ 12 เมตร เราก็เริ่มลงดำน้ำกัน
พื้นที่บริเวณนี้ของเกาะริ้นจากที่เคยเดินทางมาดำน้ำที่นี่จนแทบจะนับครั้งไม่ถ้วน ยังไม่เคยลงดำน้ำตรงนี้สักครั้ง แล้วก็ยังไม่เคยพบเห็นผู้ใด หรือเรือของนักดำน้ำลำไหนพากันมาลงดำตรงนี้เสียด้วย
เพราะว่าพื้นที่บริเวณเกาะริ้นมีอีกหลายแห่งที่น่าจะลงดำน้ำ มากกว่าพื้นที่ของบริเวณนี้ แต่เมื่อวันนี้เรามาเจอสภาพของลมและคลื่นแบบนี้ แล้วตรงนี้ก็จอดเรือได้นิ่งสนิทดีด้วย เราจึงไม่มีทางเลือกที่จะต้องลงดำ คิดว่าเป็นการสำรวจไดฟ์ไซต์ใหม่ของเราก็แล้วกัน
หลังจากลงดำน้ำในระดับความลึก 12เมตร มองไปรอบตัวมีแต่พื้นทรายอันว่างเปล่า จึงตีนฟินเคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าหาเกาะริ้น จนมาถึงระดับความลึกแค่ 6-7เมตร
ความน่าสนใจความสวยงามก็เริ่มจะบังเกิด มองเห็นแนวปะการังและสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆเพิ่มมากขึ้น สวยงามใช้ได้เลยที่แห่งนี้ ตามแบบฉบับใต้น้ำของเกาะริ้น เพียงแต่ว่ากว่าจะได้พบแนวปะการัง ระดับความลึกของน้ำทะเลก็ตื้นไปสักหน่อย
ปลาสลิดหินชวา
ปลาผีเสื้อปากยาว ปลาชนิดนี้พบมากในทะเลอ่าวไทย แถบพื้นที่ของพัทยาก็มีมาก
ฟองน้ำครก
ปลาการ์ตูนอินเดียร์แดงกับดอกไม้ทะเล พื้นที่ด้านนี้ของเกาะริ้นก็พอมี
ปลาบู่ทรายสีเหลือง ปลาชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ในรูตามพื้นทรายกับกุ้ง
ดาวทะเล มีรูปร่างที่แปลกตา
ลูกปลาไหลตัวนี้ พบว่ายึดขวดที่ถูกทิ้งใต้น้ำ เป็นบ้านเป็นที่พักกาย
หอยจุกพราหมณ์
กำลังดำน้ำลัดเลาะตามแนวชายเกาะริ้น ในระดับความลึกไม่มาก
เมื่อดูจากไดฟ์คอมฯ เวลาที่อยู่ใต้น้ำ 28 นาที พวกเราจึงให้สัญญาณว่าขอจบไดฟ์ขึ้นสู่ผิวน้ำดีกว่า หลังจากที่พบว่าถึงแนวปะการังด้านนี้ของเกาะริ้นจะสวยงามพอใช้ได้ แต่ยิ่งดำสำรวจดูระดับน้ำก็ยิ่งตื้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะดำเกยตื้นชายเกาะ
หลังจากจบการดำน้ำไดฟ์ที่สอง เมื่อล้างเนี้อล้างตัวแพ็คเก็บอุปกรณ์ดำน้ำเสร็จสิ้น ก็ออกเดินทางจากเกาะริ้น แล่นเรือฝ่าทั้งลมทั้งคลื่นในเวลาช่วงเวลาเย็นๆรีบกลับเข้าฝั่ง
มาถึงฝั่งมีภาระกิจต่อไปที่จะต้องทำ คือนำแทงค์ไปส่งที่ท่าเรือแหลมบาลีฮายพัทยาใต้ เพราะเจ้าของแทงค์อากาศผู้ให้เช่า เขามาตั้งท่ารอคอยการคืนแทงค์ของเราแล้วนั่นเอง
เรื่องน่าสนใจแนะนำ :: ปะการังฟอกขาวที่เกาะครามใหญ่
http://holidays-experience.blogspot.com/2010/07/coral-bleaching.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้มีบัญชี Google