เกาะหลีเป๊ะ เกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา หมู่เกาะเหล่านี้อยู่ในทะเลอันดามันใต้ เขตน่านน้ำชายฝั่งของจังหวัดสตูล ทั้งยังอยู่ชิดติดกับแนวชายแดนของประเทศไทยทางทะเล ก่อนเข้าสู่น่านน้ำเขตประเทศมาเลเซีย
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา เป็นที่รู้จักกันดีของชาวไทยทางด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งเคยถูกเลือกให้เป็นสถานที่กักขังนักโทษผู้ทำผิดในคดี และเรื่องราวต่างๆซึ่งเคยเกิดขึ้นในสมัยนั้น จนยังคงโจษขานกันมาถึงปัจจุบันนี้ ทั้งยังเป็นที่รู้จักกันดีของชาวต่างชาติ ว่าเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่มีความหลายหลากทางธรรมชาติที่สมบูรณ์ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณป่าไม้ หาดทราย หรือบรรดาสัตว์ทั้งบนบก และน้ำใต้ในทะเล จนได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้สถานที่แห่งนี้เป็นมรดกแห่งอาเซี่ยน
เวลาเช้าแปดนาฬิกากว่าๆ ล้อของเครื่องบินแอร์เอเชียที่พาพวกเราบินตรงจากสุวรรณภูมิ ก็ลงแตะพื้นของรันเวย์สนามบินหาดใหญ่
หาติดต่อเช่ารถแท๊กซี่ให้ไปส่งที่ปากบารา ซึ่งจะมีพนักงานของทางรีสอร์ท ที่เราจับจองห้องพักหรือชื้อแพ็คเกจ มาคอยรับมาคอยบริการ ตอนแรกก่อนที่พวกเราวางแผนจะเดินทางมาท่องเที่ยว ต่างก็คิดว่าควรจะจองแค่ห้องพัก แล้วเดินทางมาชื้อตั๋วเรือที่ปาบาราเอง หาชื้ออาหารรับประทานบนเกาะหลีเป๊ะเอง หาเช่าเรือออกไปดำน้ำ ไปเที่ยวในเกาะต่างๆด้วยตนเอง
แต่คิดไปคิดมาหลายตลบ บวกลบคูณหารอยู่ในใจ จึงตัดสินใจชื้อเป็นแพ็คเกจกับทางรีสอร์ท ซึ่งคิดว่าเป็นการดีที่สุดสำหรับพวกเรา เพื่อจะได้มีคนมาคอยดูแล ช่วยเหลือจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อย เมื่อเดินทางมาถึงปากบารา หรือตอนที่อยู่บนเกาะหลีเป๊ะ ตัดความยุ่งยากมากเรื่องหลายความต่างๆ ที่อาจจะต้องพบเจอในฐานะคนต่างบ้านต่างเมือง เอาเวลาและเก็บความคิดทั้งหมด ไว้เที่ยวกินนอนพักผ่อน แล้วก็ดำน้ำดีกว่า
ที่ท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล
เราเดินทางมาถึงปากบารา พร้อมกับได้พบคนที่ทางรีสอร์ทส่งมาคอยต้อนรับ มาดูแลบริการแนะนำเรื่องต่างๆ และได้นำพากันช่วยหิ้วกระเป๋าสัมภาระ มารอคอยเวลาเพื่อจะลงเรือเดินทางไปเกาะหลีเป๊ะ ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวปากบารา เป็นที่ตั้งของสำนักงานอุทยานแห่งชาติตะรุเตา สำหรับให้นักท่องเที่ยวมาติดต่อเรื่องที่พัก แต่เราไม่ได้จับจองบ้านพักของอุทยานฯ จึงแค่อุดหนุนชื้อเสื้อยืดสกีนรูปสวยๆเป็นที่ระลึก
ท่าเรือปากบาราซึ่งตอนที่พวกเราเดินทางมาถึง ขณะกำลังมีการปรับปรุงก่อสร้างท่าเรือใหม่ ซึ่งคาดว่าคงจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้ มีเรือโดยสารรับนักท่องเที่ยว ผู้ต้องการเดินทางไปตามหมู่เกาะต่างๆ ของน่านน้ำจังหวัดสตูล มีเรือประมง และเรือสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกีฬาตกปลามาจัดหาเช่า จอดลอยลำเทียบท่าพร้อมให้บริการอยู่มากมาย
ส่วนเรือที่พวกเราจะเดินทางไปเป็นลำนี้ สปีดโบ๊ท 60 ที่นั่ง สี่เครื่องยนต์ฮอนด้าเอ้าท์บอร์ด รวมกันแล้วเก้าร้อยแรงม้า จอดรอคอยพร้อมให้บริการนำพาเดินทางสู่เกาะหลีเป๊ะ
เมื่อผู้โดยสารรับบัตรคิว ขึ้นเรือเข้าจับจองเป็นเจ้าของที่นั่งเรียบร้อย ก็พร้อมจะออกเดินทาง
เรือแล่นออกเดินทางสู่จุดหมายปลายทางเกาะหลีเป๊ะ สำหรับพนักงานผู้ซึ่งทางรีสอร์ทจัดส่งตัวมา เพื่อดูแลพวกเราตลอดทริปนี้ คือ คนที่โผกผ้าบนหัวลายหลากสีนั่งอยู่ด้านท้ายเรือ เขาเป็นหนุ่มในพื้นที่ปากบาราแท้ๆ ที่มีชื่อว่าหลง พวกเราจึงเรียกเขาผู้นี้ว่า "ไกด์หลง"
เรือแล่นออกจากปากบารามาได้พักใหญ่ กัปตันเรือก็ขับเลี้ยวซ้ายตีวงแล่นอ้อมกระโจมไฟกลางทะเล เข้าเทียบท่าที่เกาะตะรุเตา บริเวณอ่าวพันเตมะละกา เรือจะแวะจอดที่นี้สำหรับส่งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ผู้ที่จะมาพักบนเกาะแห่งนี้ รวมทั้งให้นักท่องเที่ยวผู้จะเดินทางไปที่เกาะหลีเป๊ะ ได้ขึ้นเที่ยวชมเกาะตะรุเตา
ไกด์หลงของเราบอกว่ามีเวลา 30 นาที สำหรับที่จะเดินขึ้นไปไหว้สักการะศาลเจ้าพ่อตะรุเตา และชมธรรมชาติบนเกาะ
บริเวณอ่าวพันเตมะละกา และอุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ห้องแสดงนิทรรศการสัตว์และพืชทะเล ในบริเวณอุทยานแห่งชาติตะรุเตา และมีตู้ป้ายแสดงว่าที่นี่เมื่อปี 2549 เคยได้รับรางวัลถึงสี่ดาว จากคุณภาพสิ่งแวดล้อมชายหาดท่องเที่ยว
จนมาถึงปีนี้ เมื่อพวกเราได้มาท่องเที่ยวที่นี่ ก็ผ่านปี 2549 มาหลายปีแล้ว ไม่ทราบว่าได้รับรางวัลเพิ่มเป็นห้าดาวหรือยัง ไม่เห็นเปลี่ยนป้ายใหม่มาตั้งแสดงโชว์
เดินเที่ยวชมเพลินๆ ไกด์หลงของเราบอกว่าหมดเวลา จะต้องจากต้องลาเกาะตะรุเตาแล้ว คิดอยู่ในใจหวังไว้สักวันหนึ่งว่า เราคงจะได้มีโอกาสมาท่องเที่ยวที่นี่อีกครั้ง สวยเหลือเกินเกาะตะรุเตา
ขึ้นเรือออกเดินทางกันต่อ "ลาก่อนตะรุเตา"
ออกเดินทางจากเกาะตะรุเตา บริเวณเส้นทางเรือแล่นผ่านก่อนไปถึงเกาะหลีเป๊ะ ก็จะเป็นเกาะสวยอีกหนึ่งเกาะยอดนิยม ถ้าใครผู้ใดได้มาออกทริปท่องเที่ยวที่นี่ แล้วบอกว่าไม่ได้แวะเข้าไปชม แวะเข้าไปถ่ายภาพเป็นที่ระลึก คนเขาบอกว่าสงสัยจะต้องลงทุน เดินทางกลับมาท่องเที่ยวที่นี่ใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าบ้านจะอยู่ใกล้ไกลถึงขอบหล้าฟ้าเขียวขนาดไหน นั่นคือ เกาะไข่ เกาะซึ่งมีประตูหินโค้งที่ธรรมชาติบรรจงสร้างสันปรุงแต่ง
เรือจอดแวะให้ขึ้นชมท่ามกลางแสงแดดในเวลาเที่ยงวัน จนเกือบจะถึงเวลาตอนบ่ายๆ นักท่องเที่ยวก็เฮโลพากันเดินบนทรายร้อนๆ ของชายหาด เพื่อจะไปที่ประตูหินโค้งอันสวยงามของเกาะไข่
หลังจากแวะพากันชมความงาม ความแปลกที่ประตูหินโค้งบนเกาะไข่ จนอิ่มเอมใจไปตามๆกัน เรือก็แล่นพาเข้าสู่อ่าวน่านน้ำบริเวณหาดพัทยาของเกาะหลีเป๊ะ เห็นชายหาดพัทยาอันลือชื่อ ว่ามีเม็ดทรายขาวละเอียดดังกับครีมเทียมคอฟฟีเมต สำหรับเติมกาแฟให้รสชาติกลมกล่อม
แต่เรือที่พวกเราโดยสารมา ยังแล่นมุ่งหน้าตรงเข้าไปจอดเทียบเกยตื้นชายหาดส่งคนลงไม่ได้ จะต้องถ่ายคนลงแพ หรือจะเรียกว่าเท้งก็ได้ ตามแต่ละพื้นที่จะเรียกขาน ซึ่งจอดลอยเท้งเต้งอยู่ในน้ำด้านหน้าชายหาด เวลาไม่นานเมื่อมีเรือสปีดโบ๊ท เริ่มแล่นเข้าสู่บริเวณพื้นที่ของอ่าว ลองเทลโบ๊ทของชาวต่างชาติ หรือเรือหางยาวสำหรับคนไทย ก็แล่นออกมาจอดรอคอย รับถ่ายคนลงจากแพเพื่อไปส่งยังชายหาด หรือตามรีสอร์ทต่างๆที่นักท่องเที่ยวจับจองกันมา
เขาบอกว่าราคา 50 บาทต่อคน สำหรับค่าเรือหางยาวในระยะทางจากแพไปลงที่ชายหาด เขาบอกว่าเป็นการช่วยเหลือสร้างรายได้ ให้กับเรือหางยาวของคนในพื้นที่ ส่วนพวกเราไม่ต้องล้วงกระเป๋าจ่ายเงิน ไกด์หลงของเราจัดการให้หมดเพราะเป็นแขกของทางรีสอร์ท เขาคงจะบวกรวมกับค่าแพ็คเกจแล้วแหล่ะ
ในระหว่างเรือหางยาวที่เรานั่ง กำลังแล่นเข้าสู่ชายหาดพัทยา มองลงไปเห็นน้ำทะเลใสแจ๋ว และมีปะการังอยู่ในบริเวณนั้น ในระดับน้ำทะเลตื้นๆ
พวกเรามาถึงแล้วเกาะหลีเป๊ะ เกาะในฝันของใครต่อใครหลายๆคนทั่วโลก น้ำทะเลใส เม็ดทรายละเอียดขาวสะอาดจริงๆ แต่จะเทียบเท่าผงครีมเทียมคอฟฟีเมตหรือเปล่า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
ใครท่านใดที่สงสัยแล้วยังไม่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวที่นี่ คงจะต้องหาโอกาสมาเยือนเกาะหลีเป๊ะ อยากให้เดินทางมาเพื่อชมด้วยสายตาของตนเอง
วารินทร์ รีสอร์ท คือที่พวกเราชื้อแพ็คเกจเดินทางมาพัก ในเวลาสี่วันสามคืนสำหรับทริปทะเลอันดามันใต้
เข้าห้องพักเก็บข้าวของสัมภาระ ล้างหน้าล้างตาทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จ ก็เดินมาที่ห้องอาหาร ทางรีสอร์ทเขาจัดต้อนรับด้วยอาหารมื้อแรก ในกลางวันง่ายๆ อย่างสบายๆให้พวกเราแบบนี้ รสชาติต้องบอกว่าโอเคใช้ได้
เสร็จจากอาหารมื้อกลางวันตอนบ่ายๆ พวกเราจึงออกเดินเล่นทำความรู้จักกับเกาะหลีเป๊ะ ไปเดินที่่วอล์คกิ้งสตรีทหรือถนนคนเดิน ก็เงียบๆมีร้านค้าเปิดขายบ้างเป็นบางส่วนนอกนั้นยังปิด จะครึกครื้นอีกครั้งในเวลาตอนเย็นๆถึงยามค่ำคืน เพราะนักท่องเที่ยวจะมาเดินกันมากในเวลานั้น
เดินผ่านร้านโรตีเจ้าดังบนเกาะหลีเป๊ะ ที่ใครๆก็ช่วยแนะนำหรือเขียนบทความช่วยเชียร์ แต่พวกเราแค่เดินผ่านไม่ได้แวะเข้าไปอุดหนุน แสงแดดแรงๆอากาศร้อนๆแบบนี้ ยังไม่มีความนึกอยากจะทานของหวานโรตี
จากวอล์คกิ้งสตรีท เดินกลับมาที่ชายหาดหน้าวารินทร์ รีสอร์ท มองเห็นระดับน้ำทะเลลดลงไปมาก และก็เริ่มจะเป็นช่วงของเวลาบ่ายคล้อย เริ่มมีนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำหน้าชายหาดกันบ้างแล้ว
จึงกลับห้องพักเปลี่ยนชุดเสื้อผ้า เดินมาลงเล่นน้ำบริเวณหน้ารีสอร์ทกับเขาบ้างดีกว่า ตอนที่นั่งเรือหางยาวเข้ามาที่ชายหาด มองเห็นน้ำทะเลใสแจ๋วมีปะการังอยู่เป็นดง จะได้วอร์มร่างกายเตรียมท่าไว้พรุ่งนี้ ที่จะต้องออกไปดำน้ำตามเกาะต่างๆทั้งวัน
ระดับน้ำทะเลลดลงไปมาก เดินลุยน้ำทะเลออกไปห่างจากชายหาดประมาณห้าสิบเมตร น้ำก็ยังลึกแค่หน้าอก เดินลุยน้ำจนถึงบริเวณที่มีแนวปะการัง จึงก้มตัวมุดศีรษะลงน้ำแล้วมองผ่านหน้ากากดำน้ำออกไป เมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้น้ำ ต้องร้องอุทานอยู่ในใจว่า "อะเมซิ่งหลีเป๊ะ"
นี่่เป็นเพียงแนวปะการังเล็กๆ ด้านหน้าชายหาดพัทยา ระดับน้ำลึกแค่หน้าอกยังสวยขนาดนี้ แล้วพรุ่งนี้จะต้องออกเรือไปดำน้ำ ในเกาะไกลๆของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จะได้เห็นความสวยงามขนาดไหน
ปะการังบริเวณหน้าชายหาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ
เพลิดเพลินอยู่กับการเล่นน้ำ ลอยตัวบ้างหาที่เป็นพื้นทรายเหมาะๆยืนบ้าง โดยไม่เหยียบย่ำหรือทำร้ายปะการัง ก้มๆเงยๆมุดศีรษะลงในน้ำ ถ่ายภาพแนวปะการังเล็กๆ ในระดับน้ำตื้น หน้าชายหาดพัทยาจนเริ่มจะเป็นเวลายามเย็น
จึงขึ้นจากน้ำมาล้างเนื้อล้างตัวอาบน้ำเสร็จ ก็มาเดินเล่นชายหาดหน้ารีสอร์ท รอคอยชมดวงอาทิตย์อัสดง ยามโพล้เพล้ที่เกาะหลีเป๊ะ
จนเมื่อถึงเวลาด้านหน้าของรีสอร์ท เริ่มตั้งโต๊ะเก้าอี้สำหรับให้แขกผู้มาพัก หรือนักท่องเที่ยวทั่วไปได้มาใช้บริการ จากอาหารทะเลปิ้งย่างกันแบบสดๆ ที่หน้าชายหาด
ไกด์หลงของเราก็เดินมาเรียก เชื้อเชิญให้พวกเราไปรับประทานอาหารมื้อค่ำ ที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ซึ่งได้จัดเตรียมไว้พร้อม สำหรับให้พวกเราได้ลิ้มรสอาหารมื้อที่สองของวัน
อาหารมื้อค่ำเซ็ตใหญ่ ที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้บริการพวกเรา
เสร็จจากอาหารมื้อค่ำ พวกเราก็กลับไปเดินเที่ยว ที่วอล์คกิ้งสตรีทของเกาะหลีเป๊ะอีกครั้งในยามค่ำคืน มีนักท่องเที่ยวมาเดินเล่น มาเดินจับจ่ายชื้อสินค้าหาอาหารรับประทาน จากบรรดาร้านรวงซึ่งเปิดร้านกันมากขึ้น
พวกเราก็อุดหนุนชื้อโรตีของเกาะหลีเป๊ะ แต่ไม่ใช่ร้านใหญ่เจ้าดัง เป็นร้านเล็กๆบนถนนสายนั้น ทราบจากเจ้าของร้านว่าเดินทางจากประเทศมาเลเซีย มาเปิดขายโรตีที่นี่ได้ไม่กี่วัน
ส่วนรสชาติจะอร่อยพอสู้กับโรตีเจ้าอื่นๆได้หรือไม่ ขอบอกว่าเพียงแค่เห็นหน้าตาของเจ้าตำหรับ สำหรับคนทำโรตีขาย ก็น่าทราบแล้วว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร
เดินถือโรตีออกจากวอล์คกิ้งสตรีท มาเดินเล่นถือรับประทาน ที่ชายหาดพัทยายามค่ำคืนอีกครั้ง บริเวณหน้ารีสอร์ทต่างๆบนเกาะหลีเป๊ะ ที่ตั้งโต๊ะตั้งเตาปิ้งย่างอาหารทะเลสดๆ บริการลูกค้าบริการนักท่องเที่ยว มีคนมาอุดหนุนมากมายแทบทุกที่ มีการแสดงโชว์เล่นไฟให้ลูกค้าได้ชม ก็คงจะให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ สนุกสนานกับลูกค้า เห็นพอการแสดงโชว์จบชุด มีเสียงตบมือกราวชอบใจกันใหญ่
เรายืนชมแสดงโชว์เล่นไฟอยู่พักใหญ่ จึงกลับมาที่ห้องพักอาบน้ำอาบท่า ทำกิจธุระส่วนตัวเสร็จก็เข้านอนพักผ่อน เก็บเรี่ยวแรงเก็บพลังกายไว้ สำหรับการออกไปดำน้ำอย่างจริงๆจังๆ ตามหมู่เกาะต่างๆของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา ในวันพรุ่งนี้ สำหรับค่ำคืนนี้ "ราตรีสวัสดิ์หลีเป๊ะ"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็นได้เฉพาะผู้มีบัญชี Google